กระบี่ซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆบนฝั่งอันดามันของไทยคือสถานที่แรกที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศไทย เช่น พีพี อ่าวนางและไร่เลย์ ปัจจุบันชาวกระบี่มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากเนื่องจากบ้านเกิดของพวกเขาได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์คาร์บอนต่ำระดับโลกในการประชุมประจำปีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ (GFHS) รวมไปถึงรางวัลเมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่ยั่งยืน การประชุมจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมของเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (ESCAP) ในกรุงเทพ
การประชุมนี้มีระยะเวลาสองวันภายใต้แนวคิด ‘พัฒนานวัตกรรมเมืองเพื่อบรรลุ SDG 11 และวาระใหม่ของเมือง’ มีผู้เข้าร่วมการประชุมมากกว่า 400 คน จาก 40 ประเทศ มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(SDGs)ทั้งหมด 17 ข้อที่ได้รับความเห็นพ้องจากสหประชาชาติ โดยข้อที่ 11 คือเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน คือการทำให้เมืองเป็นเมืองที่ครอบคลุม ปลอดภัย ฟื้นฟูสภาพได้และยั่งยืนสำหรับผู้อยู่อาศัย ความสำคัญของเป้าประสงค์นี้ไม่สามารถเน้นย้ำไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงว่าเมืองต่างๆในโลกครอบคลุมพื้นที่เพียงแค่ 3% ของโลก แต่มีการใช้พลังงานคิดเป็นร้อยละ 60-80 และสร้างก๊าซคาร์บอนมากกว่าร้อยละ 75
มีการมอบรางวัลรวม 36 รางวัลในสาขาที่แตกต่างกันไป 7 สาขา และจังหวัดกระบี่ก็ไม่ใช่ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจากประเทศไทย หัวหินคือหนึ่งในผู้ชนะของสาขา ‘เมืองสีเขียวระดับโลก’ นอกจากนั้น นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2 คนคือ นางสาวหวัง โหรวซี จากโรงเรียนสาธิตปทุมวัน และนายธานิต สิริพงษ์พักต์ จากโรงเรียนสาธิตประสานมิตร ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘ทูตยุวชนสีเขียวระดับโลก’ ความสำเร็จของจังหวัดกระบี่คือตัวอย่างอันโดดเด่นให้จังหวัดอื่นๆได้ทำตาม ขั้นตอนการเป็นเมืองคาร์บอนต่ำนั้นตรงไปตรงมาไม่ยุ่งยาก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการพยายามลดปริมาณขยะให้เหลือศูนย์และใช้พลังงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอีกหนทางในการมุ่งหน้าไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ในความเป็นจริงแล้ว บรรดากิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกระบี่ เช่น ปีนหน้าผา พายเรือคายัค และการดำน้ำ ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตัวอยู่แล้ว เท่ากับว่าจังหวัดกระบี่มีจุดเริ่มต้นที่ได้เปรียบในการมุ่งหน้าสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ แต่กิจกรรมเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวของจังหวัดกระบี่ ยังมีการล่องแก่ง คลาสเรียนทำอาหาร สปา บาร์บรรยากาศดีๆ และช็อปปิ้งที่ไนท์มาร์เก็ตที่เป็นกิจกรรมที่คาร์บอนต่ำเช่นกันแต่ยังคงความสนุกไม่แพ้ใคร