ภาพทุ่งหญ้าโบกพลิ้วไหวสีทองอร่ามยามต้องแสงอาทิตย์ คือความงามธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ของเกาะพระทอง จ.พังงา เกาะกลางทะเลอันดามัน ที่มีบรรยากาศราวกับทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกา ต้นเสม็ดขาว กล้วยไม้นานาพันธุ์ รอยเท้าสัตว์ป่าบนพื้นดินปนทรายขาวนวล อากาศร้อนแห้งแล้ง แต่มีพื้นที่ชุ่มชื้นเป็นบางจุด เกาะพระทองเป็นเกาะที่ผู้เขียนปักหมุดเป็น Dream Destinations มาช้านาน เป็นสถานที่ที่ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยสวยงามแปลกตาเช่นนี้ และเมื่อมีโอกาสเหยียบย่างไปเยือน เหนือความงามทางธรรมชาติอันชวนตกตะลึง การเรียนรู้ที่จะดูแลรักษาและการอยู่รวมกันระหว่างธรรมชาติและคนในพื้นที่นั่นน่าสนใจยิ่งกว่า

 

เกาะพระทอง ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีพื้นที่ 102 ตร.กม. ใหญ่ที่สุดในพังงา และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทย แต่มีชุมชนเพียง 3 หมู่บ้าน คือ บ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็น “Unseen Thailand” ในปี พ.ศ.2546 ส่งผลให้โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน จนหลายคนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าชื่อเสียงที่มาเร็วเกินไปอาจทำให้เกาะพระทองต้องเสียศูนย์ในอนาคต  ทว่าความเป็นจริง ความพิสุทธิ์ของเกาะพระทองถูกปกป้องรักษาหลังเกิดภัยสึนามิ อาคารสิ่งก่อสร้างเสียหาย ชาวบ้านหลายร้อยหลังคาเรือนอพยพขึ้นฝั่ง ปกติทริปเดินทางตามจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวย่อมต้องมีบริษัทหรือผู้ชำนาญการมาดูแลหรือนำทัวร์ แต่สำหรับที่นี่ ทุกอย่างล้วนดำเนินการโดยชาวบ้านจำนวนเพียงหยิบมือที่ยังคงปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะ

 

 

Case 1 : บ้านพักหัวใจสีเขียว

 

Mogen Eco Village คือที่พักบรรยากาศดีบนเกาะพระทอง ตั้งอยู่บริเวณอ่าวตาแดง ติดกับหาดสุดขอบฟ้า จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดประจำเกาะ มองจากภายนอก ที่นี่นับว่าเป็นรีสอร์ทหรูเมื่อเทียบกับที่พักแห่งอื่น ซึ่งส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบของเต็นท์ หรือบังกะโลง่ายๆ รีสอร์ทนี้ดำเนินการโดยครอบครัวคนพื้นที่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเคยย้ายถิ่นฐานจากเกาะพระทองไปอยู่บนแผ่นดินหลัก และกลับมาสร้างรีสอร์ทอีกครั้ง เพราะอยากอยู่กับธรรมชาติ ด้วยเป็นเกาะขนาดใหญ่ และมีไฟฟ้าใช้ไม่ทั่วถึง ไฟฟ้าที่ใช้ภายในรีสอร์ทจึงมาจากเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ปั่นไฟในเวลากลางวัน กักเก็บไว้ในแบตเตอร์รี่และปล่อยใช้ตลอดคืน พลังงานบริสุทธิ์ที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติเพียงน้อยนิด ห้องพักทุกห้องไร้เครื่องปรับอากาศ มีก็แต่พัดลมไว้ให้บริการ เนื่องจากอุณหภูมิในยามค่ำคืนนั้นเย็นสบาย เฉลี่ยอยู่ที่ 18-25 องศาเซลเซียส มีสายลมพัดโชยตลอดเวลา แทบไม่ต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเลยแม้แต่นิดเดียว

 

อันที่จริงไม่ใช่แค่ Mogen Eco Village แต่ที่พักบนเกาะพระทอง 99% เป็นที่พักขนาดย่อม ซึ่งเป็นมิตรต่อธรรมชาติมากถึงมากที่สุด ทุกแห่งดำเนินกิจการโดยชาวบ้าน และคำนึงถึงผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เจ้าของที่พัก Mogen Eco Village กล่าวว่า ชาวบ้านทุกคนรู้ดีว่าเขาควรอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างไรจึงกระทบต่อมันน้อยที่สุด เมื่อไรก็ตามที่ทุกคนทำธุรกิจโดยปราศจากจิตสำนักรักษ์โลก เมื่อนั้นเกาะพระทองคงวุ่นวาย และคงไม่สวยงามอย่างปัจจุบัน เธอเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบความงามบนเกาะนี้ หาดทรายกว้าง เนื้อเนียนละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ำ ในน้ำมีปะการังอุดมสมบูรณ์ พายคายัคออกไปแค่ 5 นาที ก็ได้เห็นแล้ว กลางเกาะมีป่าเสม็ดโบราณอายุนับร้อยปี และทุ่งหญ้าสีทองอร่าม ที่ให้บรรยากาศราวกับเที่ยวทุ่งซาฟารี

 

 

Case 2: เมื่อเราดูแลเขา เขาก็จะดูแลเรา

 

จากด้านผู้ประกอบการที่พัก หันมากลับดูชาวบ้านท้องถิ่นกันบ้าง คุณลุงเทพ กำมะหยี่ ผู้นำทัวร์และสารถีเฉพาะกิจ พาเราทัวร์เกาะแบบ One – Day Trip โดยรถอีแต๊ก ที่คุณลุงใช้สอยอยู่เป็นประจำ ลุงเทพเป็นชาวเกาะพระทองตั้งแต่กำเนิด มีอาชีพทำสวน ทำประมง และร่อนแร่เลี้ยงชีพ ถ้าวันไหนคุณลุงว่าง ก็จะพานักท่องเที่ยวเที่ยวเกาะ อย่างเช่นวันที่เรามา ลุงเทพชี้ชวนให้เราดูสถานที่ต่าง ๆ ทั้งพันธุ์ไม้ นกเหยี่ยว บริเวณทุ่งหญ้าเสือหมอบ มีกวางป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บนพื้นทรายมีรอยเท้ากวางอยู่หลายจุด แต่ก็ยังน้อยนักเมื่อเทียบกับสมัยก่อน คุณลุงเล่าว่าคนบนเกาะพยายามอนุรักษ์ และไม่ล่ากวางมาเป็นอาหาร เพราะอยากเพิ่มจำนวนกวางให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม

 

ชาวบ้านที่นี่อยู่กับธรรมชาติและพยายามรักษาสิ่งที่มีไว้ให้มากที่สุด แม้กระทั่งเชือกที่มัดสิ่งของ และเชื้อเพลิงก่อไฟ ก็ยังนำมาจากเปลือกไม้ต้นเสม็ดขาว ไม้พุ่มกึ่งยืนต้น เรือนยอดแคบเป็นพุ่มทรงสูงที่อยู่กับชาวเกาะมาตั้งรุ่นปู่ย่าตายาย ทุกคนรู้ดีว่าตัวตนเองสามารถนำของป่าไปใช้ได้แค่ไหน ต้องอนุรักษ์อย่างไร สิ่งที่ฉันชอบที่สุด คือตามเขตชุมชนหรือที่รกร้าง ไม่มีการทิ้งขยะจากชาวบ้านให้เห็น ทุกที่สะอาดไร้เศษขยะ ผิดแปลกจากหลายเกาะที่เคยเดินทางไปเยือน

 

ธรรมชาติที่ชาวบ้านอนุรักษ์ นำมาซึ่งการวางไข่ของเต่าทะเลในช่วงฤดูขยายพันธุ์ ลุงเทพพาเราไปดูจุดที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ บริเวณนั้นอยู่ใกล้ Mogen Eco Village เป็นเนินทรายขาวเงียบสงบ ถึงแทบร้างผู้คน “ไม่มีชาวบ้านคนไหนเยื้องย่างกายไปบริเวณนั้นในช่วงเวลาที่เต่าออกไข่” ลุงเทพกล่าว “นอกจากเสียว่า แอบเข้าไปดูว่ามีอะไรมารบกวนไข่เต่าบ้างหรือเปล่า เช่น น้ำทะเลเซาะจนไข่โผล่พ้นทราย หรือ บรรดางูที่ชอบแอบมาจกไข่”

 

ทุกวันนี้คนในเกาะพระทองอยู่กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างสงบสุข กลางวันมีป่าไม้เขียวอชุ่ม กลางคืนมีดาวนับล้านให้ดู บนผืนทรายมีปูเสฉวนตัวเท่าฝามือเดินกันขวักไขว่ ในน้ำทะเลมีกุ้ง หอย ปู ปลา อุดมสมบูรณ์ ตามแนวป่าชายเลนก็มีพืชสมุนไพรไว้รักษาโรค นักท่องเที่ยวที่มาเยือนก็รู้สึกอิ่มเอมกับสิ่งที่ได้รับ นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติตอบแทนเรา เมื่อเราช่วยรักษา คงเหมือนกับคำที่ลุงเทพว่า “เมื่อเราดูแลเขา เขาก็จะดูแลเรา”