แน่นอนอยู่แล้วว่าการออกเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ล้วนเปิดประสบการณ์อันน่าประทับใจ ทำให้คุณมีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับโลกใบนี้ อาจสร้างแรงบันดาลใจให้คุณสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างมากมายมหาศาล แต่ถ้าหันกลับมามอง ..ทุกๆการเดินทางล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บางครั้งกระทบต่อวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ดูๆ ไปแล้วสิ่งที่หลงเหลือจากการท่องโลกของนักท่องเที่ยวนั้นไม่ค่อยสวยงามเอาเสียเลย

 

แล้วเราจะเปลี่ยนการท่องเที่ยวของเราให้ดีขึ้นได้ไหม? คำตอบ คือ ได้ และไม่ยากเกินกว่าที่ทุกคนจะทำด้วย

“นักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว” เป็นได้ไม่ยาก แต่ต้องตั้งใจ อาจจะรู้สึกขัดใจตัวเองนิด ๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเที่ยวตามสบาย มาเป็นคนช่างเลือก และเที่ยวตามกฎสีเขียว แต่เชื่อเถอะ ไม่นานหรอก คุณจะเริ่มชินและสนุกกับการแข่งกับตัวเองว่า “ทริปนี้จะต้องดี และช่วยรักษ์โลกมากกว่าทริปก่อน” ถ้าคุณพร้อมแล้วมาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า

 

ทุกการเดินทางเริ่มจากการวางแผน

 

 

จุดหมายปลายทางเป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องใส่ใจ หลาย ๆ จุดหมายได้รับการการันตีทั้งด้านความสวยงาม คุณภาพ และปณิธานในการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ใช่แค่ด้านธรรมชาติเท่านั้น แหล่งท่องเที่ยวสีเขียวยังหมายรวมถึงการรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนที่เคารพต่อธรรมชาติ  ซึ่งในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มค้นหาจากตรงไหน เราขอแนะนำให้ลองเข้าไปดูที่นี่ 7greens.tourismthailand.org/green_attraction.html เริ่มจากเลือกสถานที่ใกล้ ๆ เที่ยวหนึ่งวัน สองวัน แล้วค่อยๆ ขยับไปสู่การเดินทางไกลบนเส้นทางสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ

 

 

ที่พักหรือโรงแรมคือความสำคัญลำดับถัดมา ถ้ายึดหลักง่าย ๆ คือ เลือกพักโรงแรม หรือเกสเฮ้าส์ขนาดเล็ก ย่อมส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยกว่า แต่หากมองให้ลึก มีโรงแรมมากมายหลายแห่งในประเทศไทยที่ยึดแนวทางที่พักรักษ์โลก หลายคนอาจเคยพักในโรงแรมที่พนักงานแจ้งคุณว่า “หากแขกไม่ต้องการเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ทุกวัน ก็สามารถทำได้โดยแขวนไว้ที่ราว เพราะทุกครั้งที่แขกใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเดิม นั่นก็คือปริมาณน้ำและสารเคมีซักล้างที่ลดลง หรือลดการใช้กระดาษชำระ โดยใช้เท่าที่จำเป็น รวมไปถึงการมีระบบบำบัดของเสีย และการบริหารทรัพยากรในทุกด้านของโรงแรม ก็ล้วนแต่ช่วยสิ่งแวดล้อมได้ทั้งสิ้น สามารถเข้าไปดูตัวอย่างของโรงแรมรักสิ่งแวดล้อมได้ที่ 7greens.tourismthailand.org/green_service.html

 

เลือกยานพาหนะในการเดินทางที่สร้างมลพิษต่ำ และแน่นอนว่าการเดินทางโดยรถไฟ หรือรถทัวร์ย่อมสร้างมลพิษน้อยกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน แต่ถ้าคุณกลัวว่าการเดินทางโดยรถจะกินเวลาท่องเที่ยวของคุณ ลองจองรถไฟหรือรถทัวร์รอบเย็นดูสิ ไหน ๆ กลางคืนเราก็ต้องนอนอยู่แล้ว เอาแบบตื่นมาพบกับแสงของเช้าวันใหม่ ในสถานที่ใหม่ๆ น่าจะเป็นการเริ่มต้นท่องเที่ยวที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ถ้าจุดหมายนั้นไกลมาก ก็เลือกสายการบินที่ใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และสร้างมลพิษน้อยลงเยอะ และทางที่ดีควรเลือกเที่ยวบินตรง เพราะไม่ใช่แค่ช่วยคุณประหยัดเวลา แต่ขณะที่เครื่องบินขึ้น-ลง คือช่วงเวลาที่สร้างมลพิษจากการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิงมากที่สุด

 

ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในจุดต่าง ๆ ทางที่ดีควรเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือรถรับจ้างในท้องถิ่น ดีกว่าเช่ารถขับซึ่งเพิ่มทั้งปริมาณรถบนท้องถนน และฝุ่นควันในเมืองสวยๆ แต่ถ้าระบบขนส่งสาธารณะไม่มี รถเช่าก็ควรเป็นรถขนาดเล็กหรือรถไฮบริด ถ้าเดิน หรือขี่จักรยานเที่ยวได้จะเป็นสิ่งที่ดีมาก

 

 

เที่ยว กิน ดื่ม แบบไม่ลืมโลก

 

การเลือกกินของคุณก็ช่วยโลกได้นะ การเลือกกินอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่นนอกจากจะทำให้คุณได้สนุกกับรสชาติที่แตกต่างแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้วัตถุดิบท้องถิ่นยังใช้ระยะทางการขนส่งที่สั้นกว่า ย่อมสดกว่า และสร้างมลพิษน้อยกว่า และหากเป็นไปได้ควรเลือกร้านหรืออาหารที่ใช้วัตถุดิบจากสวนเกษตรอินทรีย์  กินปลาหรือเนื้อสัตว์ตามฤดูกาล เพราะวัตถุดิบเหล่านี้ไม่ได้ใช้สารเคมีในการเพิ่มผลผลิต หรือรักษาสภาพ และจำไว้ว่าอย่าสนุกกับรสชาติจนคิดลองอาหารป่า เพราะในจานของคุณอาจเป็นเนื้อสัตว์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์

 

น้ำดื่มก็เป็นเรื่องจำเป็น ทางที่ดีซื้อน้ำที่เป็นขวดลิตรมาแบ่งใส่กระบอกน้ำของคุณเอง ดีกว่าซื้อน้ำขวดเล็กหลายๆ ขวด เพราะนั่นคือการเพิ่มขยะโดยไม่จำเป็น และในปัจจุบัน เครื่องกรองน้ำขนาดเล็กแบบพกพามีให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีหากจะหาติดกระเป๋าเดินทางไว้ แล้วใช้เปลี่ยนน้ำประปาธรรมดาให้กลายเป็นน้ำดื่มชื่นใจ

 

เมื่อเที่ยว กิน ดื่ม ก็ย่อมมีขยะ จำให้ขึ้นใจว่าเราจะต้องแยกขยะเสมอ แม้ว่าในที่ที่เราไปอาจจะไม่มีถังแยกอย่างชัดเจน แต่การที่เราแยกขยะแบ่งประเภทใส่ถุงไว้จะทำให้เจ้าหน้าที่นำขยะไปจัดการได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะวัสดุที่รีไซเคิลได้ สำหรับขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย หากจุดหมายที่เราไปเยือนไม่ใช่เมืองใหญ่ อาจไม่มีระบบการจัดการที่ดีพอ ดังนั้นควรเก็บไว้และนำมาแยกทิ้งที่บ้านให้เป็นระบบ ดีกว่าเอาความสะดวกตนเป็นหลัก แล้วปล่อยให้ขยะพิษไปตกค้างอยู่ในบ้านคนอื่น

 

สำหรับใครที่ไม่ชอบจัดโปรแกรมเที่ยวเอง การเลือกบริษัททัวร์ หรือบริการด้านการนำเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เราเข้าใกล้ความเป็นนักท่องเที่ยวสีเขียวได้ง่ายขึ้น

 

ที่สำคัญเราต้องปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุ้นชิน ซึ่งมันอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมทางอ้อม เช่น การใช้น้ำในโรงแรม อยู่ที่บ้านประหยัดอย่างไร อยู่โรงแรมก็ควรประหยัดอย่างนั้น ผ้าเช็ดตัวใช้ซ้ำได้เพื่อเป็นการลดการใช้สารเคมีซักล้าง และไม่ต้องกลัวว่าจะสกปรกเกินไป เพราะโรงแรมส่วนใหญ่ จะนำผืนใหม่มาเปลี่ยนให้เมื่อใช้ซ้ำแล้วสองวัน ปิดไฟในจุดที่ไม่ใช้ และปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งที่ออกจากห้องพัก เพราะบางสถานที่ต้องผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟ ซึ่งยิ่งถ้าคุณใช้ไฟมากเท่าไหร่ ก็หมายถึงเชื้อเพลิงที่สิ้นเปลืองและก่อมลพิษมากขึ้นเท่านั้น

 

ประเมินทริปนี้ เพื่อสร้างทริปหน้าที่ดีกว่าเดิม

 

เที่ยวเสร็จกลับมาบ้านก็อย่าปล่อยให้ปณิธานรักษ์โลกของคุณหายไปตามสายลม หลายๆ อย่างสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และถ้าใครอยากรู้ว่าการเดินทางของเรานั้นสร้างผลกระทบ หรือสร้าง Carbon Footprint มากน้อยแค่ไหน เข้าไปตรวจสอบคร่าว ๆ ได้ที่นี่เลย sustainabletravel.org/utilities/carbon-calculator  เมื่อรู้ตัวเลขแล้ว อย่าลืมนำมาออกแบบการเดินทางครั้งหน้าให้ดีกว่า รักษ์โลกให้มากขึ้น และก้าวสู่การเป็นนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียวอย่างเต็มตัว