ไม่ทำให้การรักษ์โลกเป็นเรื่องมโนอีกต่อไป เมื่อ10 สถานประกอบการท่องเที่ยวเหล่านี้เกิดจากความตั้งใจดี มีใจอนุรักษ์ทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและรักษ์ในดินแดนเกิด ที่เราอยากจะเชิดชูในฐานะผู้นำด้านการท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว โดยมีคุณสมบัติเด่นๆ อาทิ อยู่ในธรรมชาติ กิจกรรมท่องเที่ยวล้วนสร้างจิตสำนึกและไม่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก  ทั้งยังมีการเสริมสร้างศักยภาพของคนในท้องถิ่น และขณะเดียวกันก็ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้มาใช้บริการในการเที่ยวแบบอนุรักษ์

 

 

1. บังหมี เกาะยาวโฮมสเตย์ จ.พังงา

 

พาขึ้นเกาะไปนอนกินลมชมดาวในโฮมสเตย์ที่ยื่นออกไปทะเล บรรยากาศเฮๆ แบบนี้มันใช่! บนเกาะยาวมีโปรแกรมเด็ดแบบ 3 วัน 2 คืน ที่จะพาเราไปสนุกกับวิถีถิ่นแบบฮิปๆ  กินน้ำมะพร้าววสดๆ จากสวนอินทรีย์ของชาวบ้าน โตแล้วจะกินอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่มีสารเคมี ออกเรือไปกับชาวประมง มาที่นี่ทั้งทีต้องลองจับเอง ใกล้ชิดปลาดาว และอิ่มท้องด้วยเมนูกุ้งมังกรในกระชังแบบสดๆ ไม่ผ่านการแช่สารหรือเลี้ยงด้วยอาหารสังเคราะห์ใดๆ ชมทุ่งนา 500 ไร่ ควาย 300 ตัว ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดยคนในชุมชน ใครอยากเป็นดีไซเนอร์ก็ลองทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติซึ่งเรียนรู้จากชาวเกาะได้เลย สัมผัสวิถีถิ่นแบบนี้ มันดีมาก!

 

ติดต่อ : โทร.081-968-0877 www.facebook.com/kohyaoecotourismKohyaoNoi

 

 

2. ไร่สยามปรานา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

 

พื้นที่ขนาด 140 ไร่ ของไร่สยามปรานา ก่อตั้งโดยคุณคำนูญวิทย์ วรภู ตั้งใจให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมชาวกระเหรี่ยงปากระเฌอที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติตามอย่างบรรพบุรุษ และค่อยๆ ปรับแนวคิดให้เป็นไร่สวนเกษตรอินทรีย์ จนเกิดเป็นผลผลิตปลอดสารพิษ ทั้งลิ้นจี่ งาดำ โดยเฉพาะข้าวดอยอินทรีย์พันธุ์ท้องถิ่น รสชาติอร่อยลิ้นที่ควรอนุรักษ์ไว้ เช่น ข้าวบือกี ข้าวซากอ และข้าวน่อแท ทางไร่เปิดเป็นโฮมสเตย์ ชวนคุณไปนอนบ้านดิน กินข้าวดอย ยามค่ำชมหิ่งห้อยแสนสบายใจ

 

ติดต่อ : www.siamprana.com

 

3. บ้าน1000ไม้ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

 

อดีตคุณครูที่ผันตัวเองมาดำเนินตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจชีวิตพอเพียง คุณพชรพล ทรงศรี ตั้งใจให้พื้นที่ 3 ไร่ ของบ้าน1,000 ไม้เป็นทั้งที่พักผ่อนและเรียนรู้เรื่องเกษตร โดยทำเป็นคาเฟ่ในสวน ชวนให้นั่งเล่นได้ทั้งวัน ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพรรณและมีคลองไหลผ่าน เหมาะกับครอบครัวพาเด็ก ๆ มาสัมผัสธรรมชาติ วิ่งเล่นกันในสวน สนุกๆ กับกิจกรรมวิถีทุ่ง อาทิ เก็บไข่เป็ด ต้อนเป็ดเข้าเล้า และเกี่ยวข้าว วันหยุดนี้มาเที่ยวเก็บเกี่ยวชีวิตสโลว์ไลฟ์ ไร้โลกโซเชียลกันได้เลย

 

ติดต่อ : โทร.091 -998-2466 เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 10.00-17.00 น. www.facebook.com/บ้าน๑๐๐๐ไม้cafefarm-624351667704047

 

4. โฮมสเตย์กระจูดวรรณี จ.พัทลุง

 

อีกหนึ่งตัวอย่างของการชูงานหัตถศิลป์ของชุมชนทะเลน้อย ด้วยการสร้างคุณค่าและตัวตน โฮมสเตย์ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสอัตลักษณ์ของเสื่อกระจูด ผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านใช้ในชีวิตประจำวัน เพิ่มเติมความเก๋ด้วยลวดลายเฉพาะของท้องถิ่น แขกผู้มาพักจะได้สนุกเรียนรู้ตั้งแต่ต้นทางของงานหัตถศิลป์ถิ่นทะเลน้อย โดยมีไฮไลท์เด็ด คือเส้นทางตามหาทุ่งกระจูดที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเป็นครั้งแรก รวมถึงลงมือถอนต้นกระจูดกับชาวบ้าน เพื่อนำมาใช้จักสานสร้างผลงานเท่ๆ ในแบบกระจูดวรรณี

 

ติดต่อ :โทร.074-610-415  www.facebook.com/varni2529/

 

5. พิพิธภัณฑ์คำปุน จ.อุบลราชธานี

 

ถ้าได้ไปต้องเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก เพราะปีหนึ่งเปิดให้เข้าชมแค่ 3 วัน ในช่วงแห่เทียนเข้าพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี ก่อตั้งโดยคุณคำปุน ศรีใส เจ้าของผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาทัศนศิลป์-ถักทอ พ.ศ. 2537และทายาท หมู่อาคารสถาปัตยกรรมแบบอีสานท้องถิ่นกลายเป็นแหล่งศึกษางานหัตถกรรมผ้าไหมทอมือ โดยเฉพาะผ้ากาบบัว เอกลักษณ์ของจังหวัด จัดแสดงเครื่องมือการทอผ้าและผ้าทอโบราณอายุหลายร้อยปี ทั้งเปิดเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและฝีมือปรุงชาวบ้านมาเพิ่มความแซบนัว

 

ติดต่อ : โทร.045-254-830 www.facebook.com/KhampunMuseum

 

6. บ้านตานิด จ.ปทุมธานี

 

สายติสท์ๆ ต้องไปตำที่นี่เลย อาร์ตแคมป์ริมน้ำ Baan Ta Nid River Lodge ’n Art Camp หรือ บ้านตานิด อยู่ในเขตอำเภอสามโคก เปิดเป็นร้านอาหาร และบ้านพักริมน้ำขนาด 8 ห้อง และรับเฉพาะแขกที่ทำการจองเท่านั้น ปรับปรุงจากบ้านไม้สักทองคุณย่าซึ่งปัจจุบันดูแลโดยคุณมด สถาปนิกผู้ดัดแปลงบ้านพักอายุกว่า 70 ปีมารองรับแขก และเรียนรู้ศิลปะ โดยจัดทำเป็นค่ายศิลปะให้เรียนรู้กิจกรรมเวิร์คช็อป ทั้งการมัดย้อม งานเพ้นท์เซรามิก และอื่นๆ สนุกกับการพายเรือเก็บผักในแปลงเกษตรลอยน้ำ และวิถีชีวิตไทยๆ ที่หาสัมผัสได้ยากแล้วในปัจจุบัน

 

ติดต่อ : 40 หมู่ 2 สามโคก ปทุมธานี โทร.081-835-0660 เปิดเวลา 11:00 – 15:00 น.และ17:00 – 21:00 น.

www.facebook.com/Baantanid/

 

 

7. Akha Ama Living Factory จ.เชียงใหม่

 

“ลี-อายุ จือปา” หนุ่มชาวอาข่าที่เท่ทางความคิด ชาวชาติพันธุ์ผู้สามารถขับเคลื่อนผลผลิตชุมชนไปสู่กาแฟคุณภาพระดับโลกในนาม ‘อาข่า อ่ามา’ แบรนด์กาแฟที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอาข่าในฐานะผู้ผลิต และสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อชาวดอยแม่สรวย ชุมชนแม่จันใต้ พร้อมเปิด Akha Ama Living Factory ที่อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ ซึ่งลงลายละเอียดตั้งแต่โครงสร้างด้วยการใช้อิฐมอญผลิตภัณฑ์ของชุมชนซึ่งสืบต่อกันมาถึง 4 รุ่น โดยลีหวังว่าพื้นที่นี้ผู้คนจะได้เข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนและต่อยอดความรู้เชิงธุรกิจที่เน้นแนวคิดเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เข้ามาทำกิจกรรมเวิร์กช็อปและกิจกรรมเพื่อสังคม ที่นี่ยังมีการจัดการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีเยี่ยม เช่น การดักไขมัน บำบัดน้ำ และเน้นใช้แสงธรรมชาติเพื่อประหยัดพลังงาน

 

ติดต่อ : โทร.086-915-8600 www.facebook.com/akhaamacoffee

 

8. ตลาดสุขใจ จ.นครปฐม

 

ตลาดสำหรับคนรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อมใกล้กรุงเทพฯ เน้นขายสินค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าพื้นบ้าน และผักพื้นบ้าน สร้างทางเลือกใหม่ให้คนรักสุขภาพได้บริโภคอาหารด้วยความสบายใจ โดยสินค้าทั้งหมดจะมีการตรวจสอบคุณภาพของผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ขายตามฤดูกาล อาทิ ไข่ไก่ ไข่เป็ด เห็ด ผัก ผลไม้ อาหาร ขนมไทยต่าง ๆ มากมาย รับรองได้ว่าทุกอย่างน่าซื้อน่ากิน แถมปลอดภัยไร้สารพิษ เปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-17.00 น. บริเวณข้างสวนสามพราน

 

ติดต่อ : โทร.034-322-544 www.facebook.com/SookjaiMarket

 

 

9. สายัณห์โฮมสเตย์ จ.สงขลา

 

นั่งไทม์แมชชีนไปกับโฮมสเตย์ครูสายัณห์ ที่มีอายุกว่า 100 ปี ทำให้โฮมสเตย์หลังนี้เป็นมากกว่าบ้านพัก แต่เหมือนได้นอนในพิพิธภัณฑ์ของเก่าที่เก็บรวบรวมมาถึง 4 ชั่วอายุคน ตั้งอยู่ที่ “ดินแดน 3 คลอง 2 เมือง” ชุมชนคลองแดน รอยต่อจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช มีกิจกรรมดีๆ แบบตลาดริมน้ำคลองแดนให้ชม ชิม ช้อป แม้จะเปิดเฉพาะวันเสาร์ แต่เราจะได้เห็นดูโชว์รำมโนราห์ และวงดนตรีไทยแสดงสด ซึ่งหาดูยากมาก นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์จากร้านค้าเก่าเแก่ของชุมชน อาทิ ร้านศรีสุขโอสถ หรือร้านหมอฮ่วน ร้านขายยาโบราณที่อายุร้อยปีดีกรีความเก๋าไม่แพ้กัน

 

ติดต่อ : “ครูสายัณห์” 081-896-7352 (สายัณห์โฮมสเตย์)

 

 

10. ไร่รื่นรมย์ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ จ.เชียงราย


แคมป์พักผ่อนท่ามกลางความเขียวขจี ได้รับแรงบันดาลใจจากโครงการในพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่นี่จึงเป็นการทำเกษตรกรรมผสมผสานเพื่อความยั่งยืน มีการเรียนรู้ในเชิงลึกตั้งแต่การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ วิธีปรุงดิน วิธีตรวจดินและน้ำ ซึ่งสามารถนำไปทำต่อยอดเองได้ที่บ้าน พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ไปกับคนในท้องถิ่น รับรองว่าถ้าได้มาทุกคนจะได้ไอเดียสีเขียวกลับไปใช้ที่บ้าน และสร้างสรรค์วิถีเกษตรอินทรีย์ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดของโลก

 

ติดต่อ :โทร.053-160-512 www.facebook.com/rairuenrom